5 เหตุผลที่ทำให้คุณขี้เกียจเขียนนิยาย

5 เหตุผลที่ทำให้คุณขี้เกียจเขียนนิยาย

.

ปัญหาอันดับหนึ่งในการเขียนนิยายคืออะไร? แน่นอนว่าคำตอบคือ…ความขี้เกียจ นี่คือปัญหาหลัก หนังสือเล่มแรกของผมก็เลยออกเป็น “เขียนนิยายจบได้ ตามสไตล์คนขี้เกียจ” ผมคิดว่าหนังสือผมต้องปังแน่เลย เพราะจี้ใจดำและแก้ไขที่ต้นตอของปัญหา สรุปว่าขายได้ 8 เล่ม เพราะผมลืมนึกไปว่าคนขี้เกียจเขียนนิยายก็จะขี้เกียจอ่านหนังสือผมด้วย (555)

มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่คนมีเป้าหมายอย่างคุณ มีความตั้งใจที่จะเขียนนิยายให้จบ มีความฝันว่าจะทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำในฐานะนักเขียน แต่ทว่าดันตกม้าตายด้วยความขี้เกียจนี้แหละ ความขี้เกียจจึงเป็นภัยคุกคามต่อชีวิต และจำเป็นที่จะต้องกำจัดมันไป ทว่าการจะกำจัดมันไปได้ เราก็ต้องรู้ต้นเหตุของมันก่อนครับ หากไปจัดการที่ปลายเหตุ ไม่มีทางหรอกที่จะสำเร็จ มาดูกันครับว่ามีอะไรกันบ้าง

.

1 ไม่มีสมาธิในการเขียน

โลกเราทุกวันนี้คนติดมือถือกันเยอะครับ แทบจะหยิบมาดูทุกนาทีกันเลยทีเดียว แต่ไม่ว่าคุณจะหยิบมันขึ้นมาบ่อยแค่ไหน งานวิจัยบอกว่าเมื่อเสียสมาธิไปกับเรื่องอื่นครั้งหนึ่ง กว่าคุณจะรวบรวมสมาธิกลับมาได้ต้องใช้เวลา 20 นาทีเลยทีเดียว อันนี้ไม่รวมพวกไฮเปอร์ที่ชอบทำอะไรหลาย ๆ อย่างนะครับ (แล้วก็ทำจริง ๆ ด้วยนะ ในดิสคอร์ดมีอยู่คนหนึ่ง 555)

วิธีการแก้ไขคือเอามือถือไปอยู่ในจุดที่เราเข้าถึงยากครับ ใส่ตู้ล็อกกุญแจ เอากุญแจไปไว้อีกที่หนึ่ง คือทำให้มันหยิบยากเข้าไว้ ถ้าเอาไว้ตรงหน้าหรือไว้กับตัว มันจะหยิบติดมือมาโดยอัตโนมัติ เมื่อไม่มีสมาธิ มันก็ไม่มีอารมณ์เขียนนิยาย จบกันชีวิตคุณ

.

2 บริหารเวลาไม่เป็น

การบริหารเวลาคือ…การบริหารพลังงานครับ บางคนมีเวลาแต่ไม่มีแรงเขียน บางคนมีแรงแต่ไม่มีเวลาเขียน อันนี้ต้องสังเกตตัวเราให้ดี บางคนกลับมาบ้านก็เหนื่อยแล้ว พอแรงไม่พอก็ขี้เกียจเขียนนิยาย มันอยากจะพัก อยากทำอะไรที่ผ่อนคลาย ถ้าเป็นแบบนี้ก็ต้องตื่นแต่เช้ามาเขียนครับ นักเขียนหลายคนอาศัยนอนเร็ว แล้วตื่นให้เช้ากว่าเดิม 2 ชั่วโมงเพื่อมาเขียนนิยาย แน่นอนว่าเมื่อเขียนจบ ตัวเลขที่ได้จากการขายทำให้พูดได้คำเดียวว่า “คุ้ม” และอาจจะตัดสินใจลาออกมาเขียนนิยายเต็มตัวเมื่อรายได้มากกว่าเงินเดือนที่ทำอยู่

บางคนมีแรงแต่ไม่มีเวลา อ่ะ อันนี้ต้องแบ่งงานเป็นชิ้นเล็ก ๆ ครับ ค่อย ๆ เขียนไปในช่วงที่มีเวลาว่าง ซึ่งในระหว่างวันจะเขียนนิยายสัก 10 นาทีก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย ผมเจอคนหนึ่งเรียนปริญญาโทอยู่ แค่เรียนก็อ้วกแล้ว ทั้งเวลาเรียนทั้งต้องงานส่ง เขามีเวลาช่วงเดียวในการเขียนก็คือช่วงพักกลางวัน เขาจะรีบทานข้าวแล้วไปเขียนนิยายก่อนที่จะต้องไปเข้าเรียน นี่ก็มีรายได้เป็นกอบเป็นกำเช่นกัน มิเช่นนั้นไม่ได้ขยันถึงขนาดนี้ (555)

โอเค คุณทำตามที่ผมบอกแล้ว คุณตั้งเวลาที่คุณจะเขียนไว้ แต่พอลงมือทำกลับทำไม่ได้ตามแผนเลยสักครั้ง มันเป็นเพราะอะไร?

มันเป็นเพราะ…คุณไม่รู้จักตัดใจ

สังเกตง่าย ๆ ในชีวิตคุณ คุณทำอะไรไม่ตรงเวลาหรอก เพราะการจะตรงต่อเวลาได้ คุณต้องตัดใจให้เป็น เช่น ตั้งเวลาปลุกแล้ว นาฬิกาดังขึ้นก็ลุกขึ้นมาทันที ไม่ใช่ว่าขอนอนต่ออีกหน่อยสุดท้ายก็สาย หรือเวลาปวดฉี่ก็ไปฉี่ ไม่ใช่ว่าปวดฉี่แล้วแต่ยังติดพันกับงานหรือซีรี่ส์อยู่ พอไม่ไหวแล้วจริง ๆ (คือมันจะราดแล้ว) จึงเข้าห้องน้ำ มันก็ทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ หากใครเป็นอยู่ แนะนำให้ใช้เทคนิค Pomodoro เพื่อฝึกการตัดใจ (เหมือนผมเองก็เขียนหนังสือไว้ในเล่มไหนสักเล่ม 555 ลองไปอ่านดูนะครับ)

.

3 มันยากเกินไป

สาเหตุที่มันยากมี 2 อย่างครับ อย่างแรกเป็นเพราะคุณเขียนนิยายไม่เป็น คือไม่ได้มีหลักการเขียนใด ๆ มาจากอารมณ์ล้วน ๆ แล้วแต่ใจจะสั่งมา และเขียนจนจบเล่ม หรือบางทีก็ไม่จบหรอก การที่คุณไม่มีหลักการ คุณทำซ้ำไม่ได้ ฉะนั้น คุณทำได้แต่รออารมณ์ให้มันมีอะไรขึ้นมาในหัว ซึ่งผลลัพธ์มันก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง หากไม่สามารถที่จะกระตุ้นให้เขียนได้ มันก็เบื่อ รู้สึกพะอืดพะอมทุกครั้งที่คิดจะเขียนนิยายเลย สุดท้ายก็เลิก

อย่างที่ 2 เป็นเรื่องของประเภทนิยายครับ คุณเลือกที่จะเขียนในสิ่งที่ตนเองไม่ถนัด เช่น คุณไม่เคยอ่านนิยายแฟนตาซีเลยแต่อยากเขียนแฟนตาซี การ์ตูนแนวนี้คุณก็ไม่เคยดูแต่อยากเขียนแฟนตาซี ในเมื่อข้อมูลไม่มีอะไรสักอย่าง หรือมีอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้เพียงพอต่อการเขียน มันยาก มันคิดไม่ออก แน่ล่ะ หากมีคนบอกให้คุณวาดรูปสิ่งที่คุณไม่เคยเห็น คุณจะวาดได้มั้ย? ไม่ได้หรอก เหมือนตาบอดคลำช้าง ว่าไปเรื่อยตามประสบการณ์ที่ตนเองเคยประสบ อันนี้แก้ไขได้ด้วยการหาความรู้เพิ่มเติมครับ

อีกแบบหนึ่งคือไม่เคยอ่านนิยายเลย แต่อยากเขียนนิยาย คนแบบนี้มีอยู่จริงในโลก ผมเจอมาแล้วมากกว่าหนึ่งคน การอ่านนิยายมันง่ายนะ บทนึงบางทีอ่านแค่ 2 นาที แค่คนเขียนนี่แทบรากเลือดเพราะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเขียน โอเค ผมเข้าใจว่าเขาไม่เคยเขียนนิยาย ภาพในใจจึงนึกว่ามันง่าย แล้วคนที่ไม่เคยเขียนิยายมันก็ไม่รู้อะไรเลยไง จะอธิบายยังไงมันก็ไม่เข้าใจ เพราะมันไม่เคยอ่าน นี่ก็อาจจะล้มเลิกไปตั้งแต่ไม่ได้คำตอบแล้ว บางคนก็อาจจะลองเขียนดูบ้าง พอเขียนไม่ได้สักตัวก็เลิกไปเพราะคิดว่าไม่น่าจะเหมาะกับเส้นทางนี้ ซึ่งจริง ๆ แล้วผมว่าทุกอย่างมันอยู่ที่การฝึกฝนทั้งนั้นแหละ เกิดมาเราก็ไม่ได้พูดได้เดินได้เลย มันต้องฝึก เราจะเอานิสัยเติมเกมแล้วเทพเลยมาใช้ในชีวิตจริงไม่ได้หรอก ทุกอย่างมันมีขั้นตอน มันต้องใช้เวลา ใช้ความอดทนและความพยายามจนถึงเป้าหมาย ใครที่ทำอะไรแบบฉาบฉวย เขียนนิยายไม่ได้หรอกครับ มันเป็นเกมยาว

.

4 ไม่ชอบในสิ่งที่เขียน

เรื่องของความไม่ชอบมันก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คุณไม่อยากเขียน การไม่ชอบนี้มี 2 อย่าง อย่างแรกคือเขียนในแนวที่ตัวเองไม่ชอบ แต่เขียนเพราะเหตุผลบางประการ การฝืนเขียนในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ มันก็เหมือนพยายามกินสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบนั่นแหละ ทำได้บางครั้งในตอนต้น สุดท้ายก็ขยาด ตราบใดที่ยังไม่เปลี่ยนความรู้สึกนี้ คุณจะเขียนไม่ได้

สิ่งที่เราไม่ชอบอย่างที่ 2 ก็คือสิ่งที่คุณเขียนนั่นแหละ ปัญหานี้มักเกิดขึ้นสำหรับคนที่เขียนสด การเขียนสดมันเขียนไปเรื่อย ๆ ไง อารมณ์พาไปตรงไหนก็ไปตามนั้น เขียนไปเขียนมาดันไม่ชอบ จะให้ลบที่เขียนมาหลายบทก็เสียดายอีก กลืนไม่เข้าคายไม่ออก สุดท้ายดองแม่มเลย

.

5 ไม่ได้อยากเป็นนักเขียน

บางคนเขียนเพราะแค่อยากสนองความต้องการของตัวเองเฉย ๆ คืออยากเขียนก็เลยเขียน ไม่ได้มีเป้าหมายที่จะเป็นนักเขียน บางคนก็อยากได้เงินจากการเขียน ยังไม่มั่นใจว่าจะเป็นนักเขียนตราบเท่าที่มันยังทำเงินได้ไม่มากพอ คนสองพวกนี้พร้อมที่จะเลิกเขียนอยู่ตลอดเวลา เพราะพวกเขาไม่ได้มีเป้าหมายที่จะเป็นนักเขียน

ลองนึกดูสิครับ นักกีฬาระดับโลกต้องฝึกซ้อมมาหลายร้อยวัน หรือกระทั่งหลายปีเพื่อวัดผลแพ้ชนะกันเพียงแค่ไม่กี่วัน ในช่วงระหว่างนั้นก็ต้องอดทนเพียรพยายามอยู่ตลอดเวลา พวกเขาไม่ท้อกันเหรอ? พวกเขาไม่เหนื่อยกันเหรอ? มันต้องมีท้อมีเหนื่อยกันบ้างแหละ แต่การที่พวกเขาไม่ล้มเลิก ก็เพราะพวกเขามี “เป้าหมาย”

ตราบใดที่คุณไม่ได้อยากจะเป็นนักเขียน คุณพร้อมที่จะล้มเหลวตลอดเวลา ฉะนั้น จงตั้งเป้าหมายว่าอยากเป็นนักเขียน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *