.
นิยายบางประเภทอาจจะไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับชื่อเรื่อง เพราะอย่างไรเสียนักอ่านก็คิดว่าคงไม่พ้นขอบเขตในสิ่งที่ตนเองอ่านหรอกน่า ใสขณะที่นิยายบางประเภทจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับชื่อเรื่องเป็นอย่างมาก
วันก่อนผมเข้าไปในเว็บหนึ่งซึ่งโฆษณาให้อ่านนิยายใหม่ โดยมีความเร้าใจคือโปรโมชันอ่านฟรี 14 วัน และจำนวนที่ให้อ่านฟรีมีถึง 80 ตอน! ว้าว…มันน่าว้าวใช่มั้ยครับ มันเป็นนิยายเกี่ยวกับอาหาร เพราะชื่อเรื่องมันบอกอย่างนั้น แต่เนื้อหามันไม่ได้เกี่ยวกับอาหารเลย มันไปพัวพันกับองค์กรใต้ดินเสียส่วนใหญ่ จนนักอ่านรำพึงในคอมเม้นว่า “ถูกหลอกให้อ่าน”
คุณคิดดูสิ ขนาดให้อ่านฟรีถึง 80 ตอน มันควรจะดีใจใช่มั้ย แต่เขากลับรู้สึกแย่ที่รับข้อเสนอนี้ไป เพราะมันทำให้เขาเสียเวลา แทนที่จะเอาเวลาไปอ่านเรื่องอื่น ต้องมาทนนั่งอ่านอะไรก็ไม่รู้ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “นักอ่านเขามีความคาดหวัง” และความคาดหวังนั้นเริ่มต้นที่ชื่อครับ
เมื่อชื่อเรื่องเกี่ยวกับการทำอาการ เขาก็คาดหวังว่าจะได้อ่านอะไรที่เกี่ยวกับการทำอาหาร หากไม่ได้เป็นเช่นนั้นมันก็เหมือนกับการหักหลังคนอ่าน แม้จะเขียนได้ดีแค่ไหนก็ตาม นักอ่านบางส่วนไปอ่านแน่นอน เพราะเขาไม่ได้ชอบสิ่งที่อ่าน เขาชอบเรื่องทำอาหารและกดเข้ามาอ่านสิ่งที่คาดหวังนั้น จะมีก็เพียงคนที่ชอบในสิ่งที่นำเสนอ ซึ่งในเรื่องที่กล่าวถึงนี้พูดถึงเรื่องราวขององค์กรใต้ติน หากถูกจริต เขาก็จะอ่านกันต่อไป แต่ผมเชื่อว่าส่วนใหญ่ไม่เอาแน่นอน
หากสมมติว่านิยายเรื่องนี้เป็นบทความ เมื่อ Google อ่านแล้วเห็นว่าชื่อเรื่องและเนื้อหาไม่มีความสัมพันธ์กัน มันจะจัดลำดับการค้นหาให้อยู่ท้าย ๆ เพราะมันมองว่าเป็นบทความที่ไม่มีคุณภาพ เป็นการเอา Keyword ที่ได้รับความนิยมมาหลอกลวงให้คลิกเข้าไปอ่านเท่านั้น ไม่เกิดประโยชน์กับผู้ใช้งานอย่างแท้จริง
เพราะเหตุนี้เองชื่อเรื่องจึงเป็นสิ่งที่ชี้ชะตานิยายเป็นอย่างแรกว่าจะรอดหรือไม่รอด
.
แล้วเราจะทำอย่างไร?
เราก็ต้องตั้งชื่อนิยายให้สอดคล้องกับเรื่องราวที่เรากำลังนำเสนอยังไงล่ะครับ ซึ่งเครื่องมือที่จะช่วยเราก็คือ “ธีม”
ผมกำหนด “ธีม” ได้ 2 แบบ คือ (1) ธีมอันเป็นสารัตถะ และ (2) ธีมอันเป็นขอบเขต ซึ่งในที่นี้ ผมหมายถึงอย่างหลัง
ธีมอันเป็นขอบเขตเป็นอย่างไรหรือ? ลองนึกถึงรั้วบ้าน สิ่งที่อยู่ในรั้วเป็นของเราใช่มั้ยครับ ส่วนสิ่งที่อยู่นอกรั้วเป็นของคนอื่น คุณไปทำอะไรนอกรั้วบ้านมากไม่ได้ เพราะมันเกินขอบเขต การกำหนดขอบเขตนั้นเป็นเครื่องมือสำหรับกลั่นกรอง เช่น สินค้าที่ต้องการมีหลายสีหลายแบบ เมื่อเรากำหนดไปเลยว่าเอาสีขาว เขาก็จะเอามาเฉพาะสีขาวในทุกแบบ สีอื่นตัดทิ้งไป ตรงนี้เองตามตัวอย่างที่กล่าวข้างต้น เมื่อนิยายใช้ชื่อเรื่องที่สื่อถึงอาหาร อะไรที่ไม่เกี่ยวข้องก็อย่าเอามา คือเอามาเป็นส่วนประกอบได้ แต่ไม่ใช่เป็นพล็อตหลักของเรื่อง
เอาล่ะ เมื่อธีมคือ “การทำอาหาร” มันจะเกี่ยวข้องกับอะไรได้บ้าง?
พ่อครัว / สูตรอาหาร / วัตถุดิบ / ร้านค้า / แหล่งอาหาร / การขนส่ง / รสชาติ / ลูกค้า / ระดับฝีมือ / การแข่งขัน
เบื้องต้นผมคิดได้ประมาณนี้ นี่แหละครับ เมื่อกำหนดขอบเขตแล้วก็ต้องลิสออกมาว่าในอาณาเขตที่เราจะโฟกัสมันมีอะไรให้เราเล่นบ้าง เหมือนอาหารในจานเรานั่นแหละว่ามันมีอะไรให้กินบ้าง อย่าไปกินจานคนอื่น
ฉะนั้น หากเรากำหนดธีมให้สอดคล้องกับชื่อเรื่อง ปัญหาที่นิยายของเราจะไม่ผุดไม่เกิดก็จะคลี่คลายลง ส่วนใครที่เขียนสดแล้วเรื่องราวมันหลุดธีมไปแล้วก็ให้สังเกตว่าส่วนใหญ่แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องอะไร แล้วก็เอาเนื้อหาเหล่านั้นมาตั้งชื่อเรื่องใหม่ แก้แค่บรรทัดเดียวก็รอดแล้วครับ อย่าดันทุรังด้วยคิดว่า “นิยายฉัน ฉันจะเขียนอะไรก็ได้” เพราะนักอ่านจะบอกว่า “เก็บไว้อ่านเองเถอะ“

หากคุณเคยอ่านเพจ “มาติดปีกให้นิยายกันเถอะ” นั่นแหละเพจผมล่ะ ตอนหลังเบื่อดราม่าก็เลยทิ้งไปทำช่องยูทูบ Fresh Novelist มือใหม่อยากเขียนนิยาย แล้วครที่อยากเขียนนิยายแล้วเขียนไม่จบ หรือไม่รู้จะเริ่มอย่างไร เขียนเองไม่ไหวอยากได้เอไอมาช่วยเขียน หรือเขียนพอได้แต่อยากพัฒนาให้ดีขึ้น มาครับ หนังสือผมมีมากมาย กดลิ้งไปดูกันได้ คลิก
Leave a Reply