.
เคยมีคนบอกว่าการพล็อตทำให้จำกัดความคิดสร้างสรรค์ เขาไม่ชอบ เขาชอบเขียนสด เออ…มันก็มีส่วนจริง และปัญหาที่ตามมาสำหรับคนเขียนสดคือ…ออกทะเล เขียนไปเรื่อย เขียนจนออกทะเล บางคนถึงขึ้นหลุดโลกทะลุจักรวาลจนกู่ไม่กลับ บางคนก็ตั้งใจออกทะเลเพื่อนที่ว่าจะยืดเรื่องให้ยาวขึ้น เพราะพวกเขาอาลัยอาวรณ์กับตัวละคร ไม่อยากให้เรื่องมันจบ แต่ส่วนใหญ่แล้ว ออกทะเลโดยไม่ได้ตั้งใจ อารมณ์มันพาไปจริง ๆ
แล้วมันมีวิธีไหมที่จะไม่ให้ออกทะเลด้วย แล้วก็ไม่ให้มันจำกัดความคิดสร้างสรรค์ด้วย?
มีสิ ถ้าไม่มีผมจะเขียนบทความมาทำไมกัน (555)
ปัญหาของการเขียนสดอย่างแรกคือ…ไม่รู้อนาคต
เราไม่รู้เลยว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร และที่หนักไปกว่านั้นคือ…บางทีเราก็ไม่รู้ว่ามันจะจบยังไง กว่าจะรู้ว่าจบยังไงก็ต้องรอเขียนไปจนจบ พอจบแล้วถึงเห็นภาพรวมว่า อ๋อ เรื่องราวมันเป็นอย่างนี้ จากนั้นจึงทำการรีไรท์เพื่อปรับแต่งให้มันเข้าท่า เพราะตอนแรกออกทะเลไป ไม่ยอมเข้าท่า (เรือ)
การไม่รู้ว่ามันจบยังไงเลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ? อืม…คือยังไงดี ลองนึกถึงว่าคุณออกนอกบ้านมาโดยไม่รู้จุดหมาย แล้วก็ขับไปเรื่อย ๆ คำถามคือคุณจะออกมาแบบนั้นเพื่ออะไร? อยากไปไหนไป อยากแวะตรงไหนแวะ ทำอะไรไร้จุดหมาย สุดท้ายก็ว่างเปล่า มืดแล้วก็กลับมาคิดว่า “วันนี้กูทำอะไรวะ” นิยายที่ไร้จุดหมายแบบนี้เหมือนแทงหวย ซื้อหมดไป 3 แผง ถูกเลขท้าย 2 ตัวอยู่ 2 ใบ สิ่งที่ลงทุนไปไม่คุ้มกับสิ่งที่ได้มา หรือโชคดีหน่อยก็อาจจะได้มากกว่านี้ ความสนุกของเรื่องก็เหมือนการซื้อหวยนี่แหละ ถ้าคุณไม่ได้มีเป้าหมายว่าเรื่องราวมันจะไปทิศทางไหน คุณไม่สามารถที่จะเพิ่มความสนุกเร้าใจได้เต็มที่ สุดท้ายก็น่าเบื่อ
แทนที่จะรอให้เห็นจุดจบ เราก็เขียนเรื่องโดยสรุปมาก่อนสิครับว่ามันจะจบยังไง
การสร้างจุดจบไม่ได้มีผลอะไรกับความคิดสร้างสรรค์ของคุณเลย เพราะเนื้อเรื่องก็ยังเขียนได้ดังใจคุณเหมือนเดิม คุณแค่เขียนเรื่องย่อว่ามันเกิดอะไรแล้วจบยังไงภายใน 5 ประโยค
แล้ว 5 ประโยคนั้นมีอะไรบ้าง
1 – ชีวิตประจำวันของตัวละคร
2 – เหตุการณ์พลิกผันที่ทำให้ตัวละครมีเป้าหมายอื่น ซึ่งทำให้ชีวิตต่างไปจากเดิม เช่น มีอันธพาลมาทำร้ายครอบครัว ตัวเอกเลยต้องแก้แค้น เมื่อตัดสินใจแล้ว ชีวิตที่ดำเนินไปปกติจะไม่มีแล้ว
3 – เป้าหมายของเรื่อง ซึ่งก็คือเป้าหมายของตัวเอกที่ตั้งไว้ในข้อ 2 นั่นแหละ
4 – คู่ปรับ เมื่อเขียน 1 2 3 มาแล้ว เห็นแล้วว่าตัวละครมีเป้าหมายอย่างไร ในข้อนี้จะขึ้นต้นด้วยคำว่า “แต่” แล้วตามด้วยตัวร้าย หรือคู่ปรับ พร้อมกับการขยายความว่าเขาจะขัดขวางไม่ให้ตัวเอกบรรลุเป้าหมายได้อย่างไร
5 – ฉากจบ สุดท้ายแล้วมันจะจบยังไง อันนี้ไว้ให้เราดู ส่วนเวลาเราจะเล่าให้ใครฟังอย่างสรุปว่าเรื่องราวเป็นยังไง บอกแค่ 4 ข้อแรกพอครับ ข้อ 5 มันจะเป็นการสปอยเรื่อง แต่สำหรับเรานักเขียนแล้ว ข้อ 5 คือแผนที่ในการเขียนเลยทีเดียว
หลังจากได้เรื่องย่อมาแล้ว เราก็สร้างเหตุการณ์สำคัญเป็นจุด ๆ
ลองนึกถึงทะเลทรายที่มันกว้างใหญ่ เราไอยู่ในนั้นโดยไม่มีเข็มทิศ ถึงจะมีแผนที่ก็เท่านั้น มองไปรอบด้านเหมือนกันหมด ถ้าจะรอดูดวงดาวก็เสียเวลาเกินไป ฉะนั้นสิ่งที่เราต้องทำก็คือเอาถังน้ำมันไปตั้ง เมื่อเห็นถังน้ำมันลิบ ๆ เราก็แค่เดินไปทางนั้น พอไปถึงถังแรกก็มองหาถังที่ 2 ซึ่งมันจะจะอยู่ห่างออกไป 3 – 5 กิโลเมตร เดินตามไปเรื่อย ๆ สุดท้ายก็จะถึงที่หมายที่เราต้องการ
ในการเขียนนิยายก็แบบเดียวกันนี้แหละ ผมไม่สนหรอกว่าคุณจะวิ่ง จะตีลังกา จะเต้น จะเดินอ้อม หรือจะคลานไปยังถังน้ำมันแต่ละจุด คุณมีอิสระเต็มที่ในการเดินทางนั้น เพียงแต่ถังน้ำมันเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่คอยกำกับไม่ให้คุณหลุดออกจากเส้นทาง เราจึงต้องกำหนดเหตุการณ์สำคัญเป็นจุด ๆ เพื่อกำหนดทิศทางของนิยาย เพียงเท่านี้คุณก็จะเขียนไม่ออกทะเล แล้วก็ไม่ได้ทำร้ายความคิดสร้างสรรค์ของคุณแล้ว

หากคุณเคยอ่านเพจ “มาติดปีกให้นิยายกันเถอะ” นั่นแหละเพจผมล่ะ ตอนหลังเบื่อดราม่าก็เลยทิ้งไปทำช่องยูทูบ Fresh Novelist มือใหม่อยากเขียนนิยาย แล้วครที่อยากเขียนนิยายแล้วเขียนไม่จบ หรือไม่รู้จะเริ่มอย่างไร เขียนเองไม่ไหวอยากได้เอไอมาช่วยเขียน หรือเขียนพอได้แต่อยากพัฒนาให้ดีขึ้น มาครับ หนังสือผมมีมากมาย กดลิ้งไปดูกันได้ คลิก
Leave a Reply