เขียนนิยายต้องเริ่มที่จุดเด่น

เขียนนิยายต้องเริ่มที่จุดเด่น

ความผิดพลาดที่ใหญ่หลวงที่สุดในการเขียนนิยายก็คือ…มันไม่มีจุดเด่น

คุณอาจจะคิดว่าไม่เป็นอะไร คุณคิดว่าเรื่องคุณสนุก หรือแค่อยากเขียนตามใจปรารถนา เพราะมันเป็นนิยายของคุณ โอเค…ถ้าคุณคิดอย่างนี้ คุณจงเตรียมใจไว้ว่าคุณจะเขียนนิยายเพื่ออ่านคนเดียว เพราะคนอื่นเขาไม่ได้คิดอย่างคุณ

ทุกคนมีเวลาจำกัด แต่กิจกรรมมันเพิ่มขึ้น แม้แต่ความบันเทิงที่เขาอยากได้ แต่สื่อมีมากมายที่ตายแล้วก็ยังดูยังอ่านไม่หมด สิ่งที่เราต้องทำก็คือ…เลือก

ในยุคสมัยก่อน นิยายที่เขียนบนแพลตฟอร์มออนไลน์ยังไม่มีการติดเหรียญ รายได้ทางเดียวที่จะได้จากการเขียนนิยายคือการออกเล่มกับสำนักพิมพ์ ซึ่งคุณจะต้องเขียนจบเสียก่อนเป็นอย่างแรก แต่ในยุคสมัยนั้นมีคนเขียนจบน้อยมาก ใครเขียนจบที่สำนักพิมพ์จะไปทาบทาม แล้วก็แก้ไขกันไปจนกว่าจะได้มาตรฐานระดับหนึ่ง นิยายของคุณจึงออกเล่มได้ สามารถสร้างรายได้ให้คุณได้ ทว่ากระบวนการดังกล่าวมันช่างโรยด้วยหนามกุหลาบ มันเหน็ดเหนื่อยและทรมาน น้อยคนนักที่จะประสบความสำเร็จ

นอกจากการหาเงินทางนี้จะยากแล้ว หนังสือสอนในการเขียนก็ไม่มี คอร์สการเขียนนิยายก็ไม่มี จะกล่าวไปไยสำหรับยูทูบที่สอนคุณเขียนฟรี ไม่มีหรอกครับสมัยนั้น

มาถึงตอนนี้ ตอนที่ติดเหรียญได้ ทุกคนมีสิทธิ์ แม้ไม่ได้มาตรฐานก็สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำได้ เพราะอะไร? เพราะมันรอนานเกินไปกว่านิยายจะออกมาสักเล่มหนึ่ง ในช่วงเวลานั้นคนมันเหงา คนมันเครียด คนมันต้องการอะไรสักอย่างที่ทำให้ชีวิตเดินต่อไปได้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของยุคทองสำหรับนักเขียน

ภาพเก่า ๆ ที่เห็นว่านักเขียนไส้แห้งนั้นเปลี่ยนไป บางคนร่ำรวยจากนิยายเพียงเรื่องเดียว สร้างรายได้เป็น 10 ล้านโดยไม่เคยออกเล่มใด ๆ อาชีพนี้บูม และมีคนที่หันมาเขียนนิยายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และแน่นอนว่านิยายมันก็เกิดขึ้นมากมายในตลาด คู่แข่งเพิ่มขึ้นทุก ๆ วัน หรือเราอาจจะบอกว่าทุกนาทีเลยก็ว่าได้ ตอนใหม่ผุดขึ้นตลอดเวลา ไม่เชื่อคุณลองนั่งรีเฟรสดู

มาถึงตอนนี้แหละที่ทำให้ “จุดเด่น” มีความสำคัญถึงขีดสุด

สมัยก่อนใครเขียนเร็วกว่าได้เปรียบ แต่สมัยต่อมาวัดกันที่คุณภาพ เพราะนิยายมากมาย แต่เวลาคุณมีเท่าเดิม คุณไม่อาจจะอ่านได้หมดได้ แล้วเมื่อคุณได้อ่านอะไรที่ดีกว่า คุณจะไปอ่านที่มันแย่กว่าทำไม นักอ่านเริ่มมีมาตรฐาน ไม่ชอบก็ไม่อ่าน แม้จะให้อ่านฟรีก็ไม่อ่าน มันเสียเวลา

ฉะนั้น นิยายของคุณจึงต้องมี “คุณภาพ” และ “จุดเด่น” ไปพร้อม ๆ กัน

จุดเด่นของนิยายคืออะไร? อยู่ตรงไหน? สร้างยังไง?

จุดเด่นคือสิ่งที่ทำให้นิยายเราแตกต่างในทางที่ดี และมีหนึ่งเดียวในโลก

หากคุณนึกถึงเรื่องแฮรี่ พอร์ตเตอร์ หรือลอร์ด ออฟ เดอะริง คุณก็น่าจะพอเห็นภาพว่าความแตกต่างเป้นอย่างไร นิยายพวกนี้เป็นหนึ่งเดียวในโลก ฉีกจากเรื่องราวที่เราเคยพบเห็นมา มันมีจุดเด่นที่ทำให้เราแบ่งแยกจากนิยายทั่วไปตามท้องตลาดที่อ่านปกอ่านคำโปรยแล้วเรายังมีความสงสัยว่ามันจะสนุกมั้ย มันจะเหมือนเรื่องอื่น ๆ หรือเปล่า แต่นิยายที่โด่งดัง เราจะเห็นถึงความชัดเจนตั้งแต่แรก นั่นก็เป็นเพราะจุดเด่นยังไงล่ะครับ

จำเป็นไหมที่เรื่องราวของเราต้องเด่นขนาดนั้น?

ก็ไม่จำเป็นหรอกครับ เพียงแต่มันเป็นเรื่องที่ดีหากเราจะทำได้แบบนั้นบ้าง

แล้วอย่างน้อยจุดเด่นที่ว่าต้องถึงขั้นไหน?

มันต้องถึงขั้นที่ถูกใจลูกค้าสักกลุ่มหนึ่ง ลองนึกถึงการซื้อมือถือนะครับ คนเราไม่ได้ซื้อเยอะหรอก เพราะงบมันมีจำกัด ฉะนั้นเขาก็ต้องเลือก ทีนี้จะเลือกจากตรงไหน เพราะแต่ละยี่ห้อก็คล้ายกันไปหมด (ถ้าไม่ได้เทียบกับไอโฟนนะ) อย่างแรกก็ยี่ห้อแหละ อันไหนคุ้นหูถูกใจเป็นสาวก ก็จะเลือกซื้อยี่ห้อนั้นทุกครั้ง หากเป็นเรื่องของนิยาย นักอ่านก็จะตามซื้อนามปากกาที่ถูกใจ แต่ถ้าคุณเริ่มเขียนใหม่ ตรงนี้เสียเปรียบ

แล้วหลังจากนั้นล่ะ?

หลังจากนี่ห้อก็จะเป็นเรื่องรายละเอียดบางอย่าง ซึ่งเป็น “จุดเด่น” ของรุ่นนั้น จากนั้นเราก็เปรียบเทียบจากจุดเด่นของมันนี่แหละ เราชอบอันไหนมากกว่า เราก็ซื้ออันนั้น

มันจึงเป็นการเสียเวลาถ้านิยายของคุณไม่มีจุดเด่น เพราะนั่นไม่ได้ทำให้นิยายของคุณมีความแตกต่างไปจากท้องตลาดที่มีมากมายจนกลายเป็นขยะ อาจจะมีคนหลงมาซื้อบ้าง แต่ไม่มากหรอกครับ แต่ส่วนใหญ่จะขายไม่ออกจนถอดใจเลิกเขียนไปตลอดชีวิตก็มี ฉะนั้น อย่าพึ่งเขียนนิยายหากคุณยังไม่มีจุดเด่น

แล้วเราจะหาจุดเด่นมาจากไหน?

อยากแรกเลยนะครับ คุณต้องอ่าน

ผมเชื่อว่านักเขียนหน้าใหม่หลายคนไม่ได้อยากอ่านงานของคนอื่นเลย คุณได้แรงบันดาลใจจากอะไรบางอย่าง และตอนนี้เลือดในตัวมันพลุ่งพล่าน อยากจะเขียนนิยายเพียงอย่างเดียว อีกทั้งคุณยังต้องการให้มันสำเร็จโดยเร็วอีกด้วย ทว่าในความเป็นจริงไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคุณได้ลองเขียนเข้าไปจริง ๆ มันติดขัดไปหมด แม้จะดันทุรังเขียนจนจบได้ แต่ก็ไม่วายต้องเขียนใหม่หมดถ้าจะให้ได้มาตรฐาน เพราะนิยายเรื่องแรกมักจะเละเป็นขี้เสมอ เว้นแต่ใครที่อ่านมามาก คนพวกนี้จะรอดไปได้ เผลอ ๆ อาจจะปังตั้งแต่เรื่องแรกเสียด้วย

ผมรู้ได้ยังไง? รู้สิ เพราะผมก็เคยเป็น (555)

นิยายเรื่องแรกลบทิ้งหมดครับ เก็บไว้ก็เหมือนประจานตัวเอง อับอายเมื่อกลับมาอ่าน สุดท้ายสิ่งที่ไม่อยากทำแต่ก็ต้องทำ

ในช่วงที่เว้นวรรคจากการเขียนเพราะบอบช้ำจากความล้มเหลว ผมได้อ่าน และผมได้เห็นว่านิยายที่ดีเขาเขียนกันยังไง มันซึมซาบเข้าไปในหัวเองโดยที่เรามไ่ได้ร้องขอ ขอเพียงแค่คุณอ่าน คุณจะค่อย ๆ พัฒนาโดยที่คุณไม่รู้ตัว การเขียนของคุณก็จะดีขึ้นครับ แต่ก็มีบางคนที่ทำเช่นนั้นไม่ได้ อันนี้ก็ต้องอาศัยตัวช่วยที่บอกตรง ๆ ว่าต้องทำยังไง ผมออกหนังสือมาหลายเล่ม หากใครไม่เคยอ่าน ก็ลองแวะเข้าไปชมในหน้านี้

สิ่งที่เราจะได้จากการอ่านอีกอย่างก็คือ…มาตรฐาน

นิยายแต่ละแนวมันจะมีมาตรฐานของมันอยู่ คำว่ามาตรฐานในที่นี้หมายถึงกลุ่มเป้าหมายนะครับ ซึ่งหมายถึงสิ่งที่คนเหล่านั้นชอบร่วมกันในนิยายประเภทนั้น ๆ เช่น ผมชอบแนวย้อนเวลา นิยายเรื่องไหนมีพล็อตว่าตัวเอกย้อนเวลามาไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม นิยายนั้นได้แต้มจากผมไปแล้วทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้อ่านเลย มันก็เหมือนกับอาหารนั่นแหละครับ หากคุณชอบข้าวหมูแดงเป็นปกติ เดินทางไปไหนเมื่อเห็นร้านอาหาร คุณก็ต้องเลือกที่มีข้าวหมูแดงก่อน เพราะว่าคุณชอบข้าวหมูแดง นิยายก็เป็นแบบนั้นแหละ คุณชอบอ่านนิยายแบบไหน ชอบอ่านเพราะอะไร สิ่งนั้นจึงเป็นมาตรฐานที่คุณต้องมีในเรื่อง

หลังจากที่คุณอ่านมาพอสมควรแล้ว คุณก็จะเห็นแล้วล่ะว่าเขาเขียนอะไรกันบ้าง แล้วอะไรที่นิยายเหล่านั้นไม่มี ตรงช่องว่างนี้แหละจะเป็นจุดเด่นของคุณที่ไม่เหมือนนิยายพวกนั้น

แล้วจุดเด่นเริ่มต้นที่อะไร?

มันกว้างไปหมดเลย คุณอาจจะคิดไม่ออก หัวจะระเบิด

มีน้องคนหนึ่งมาปรึกษาเรื่องเขียนนิยายในดิสคอร์ด ผมก็แนะนำไปว่าต้องมีจุดเด่น แต่เขาไปเริ่มที่ Worldbuilding แทนที่จะเริ่มจากตัวเอกของเรื่อง คือนิยายแนวแฟนตาซีหรือกำลังภายใน ผมจะเริ่มที่พลังพิเศษของตัวเอกเสมอครับ เราต้องชัดเจนว่ามันจะมีความสามารถพิเศษอะไร แล้วเรื่องราวมันก็จะเปลี่ยนไปตามความสามารถพิเศษนั้น พล็อตหรือโลกของนิยายมันก็จะคิดมาเพื่อให้สอดคล้องกับตัวเอก เช่น ตัวเอกทั่วไปมักเป็นนักรบหรือนักเวทย์ เอาตัวเอกเป็นช่างตีเหล็กเข้าไป การเดินเรื่องก็เปลี่ยนไปหมด การพัฒนาของตัวละครก็ไม่ได้โฟกัสในสิ่งที่นักรบหรือนักเวทย์กระทำกัน นิยายของเราก็จะแตกต่างโดยอัตโนมัติ

แล้วเราจะสร้างความสามารถพิเศษของตัวเอกยังไง?

สิ่งแรกเลยนะครับ คุณต้องมีธีม

สิ่งที่ผมสอนในช่องหรือในหนังสือ ผมจะบอกว่าธีมมี 2 แบบ คือ ธีมอันเป็นสารัตถะ และธีมอันเป็นขอบเขต

แบบแรกเป็นทิศทางของเรื่องราวว่าอยากจะสื่ออะไรให้ผู้อ่าน เช่น ความแค้นไม่มีอะไร สุดท้ายก็มีแต่ความสูญเสีย แต่เราไม่ได้บอกตรง ๆ เราทำให้เห็นภาพเหมื่อเล่านิยายอิสปแล้วสรุปด้วยข้อคิดอย่างนั้นแหละครับ

สิ่งสำคัญต่อการคิดจุดเด่นคือธีมแบบที่ 2 เพราะอะไรในโลกนี้มันกว้างมาก คุณคิดไม่ออกหรอก เว้นแต่มันจะผุดไอเดียขึ้นมาเอง ถ้าจะเอากระบวนการที่มั่นคง สามารถผลิตความคิดออกมาได้ คุณต้องกำหนดธีม เพราะธีมจะกำหนดขอบเขต เหมือนเราค้นหาข้อมูลในกูเกิ้ล คำหนึ่งแสดงผลว่ามี 5,000 ล้านรายการ ส่วนอีกคำหนึ่งแสดงผล 5 ล้านรายการ แบบหลังขอบเขตน้อยกว่า น่าจะมีความเป็นไปได้มากกว่า แต่เราลองเพิ่มคำที่เกี่ยวข้องไปอีกสักหน่อย 2 – 3 คำ อ้อ ตอนนี้มันเหลือ 5,000 รายการแล้ว ดูมีความเป็นไปได้มากกว่าเยอะเลยใช่มั้ยครับ ฉะนั้น การกำหนดธีมซึ่งเป็นขอบเขต ก็คือการกลั่นกรองสิ่งที่ไม่ใช่ออกไปจากระบบความคิด ยิ่งกลั่นกรองออกไปได้มากเท่าไหร่ โอกาสที่เราจะคิดจุดเด่นได้ชัดเจนก็มีมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อเราได้ “จุดเด่น” มาแล้ว จากนั้นก็แค่ขยายกิ่งก้านสาขา เชื่อมโยงสรรพสิ่งในเรื่องเข้าด้วยกัน นิยายที่มีจุดเด่น ถึงแม้ว่าจะเขียนไม่ค่อยดี แต่คนชอบจุดเด่นก็ขายได้บ้างอยู่ครับ ที่เหลือก็เป็นประสบการณ์ว่าส่วนไหนเขียนไม่ดี เราก็แก้ไข นิยายของเราก็จะได้มาตรฐาน พร้อมที่จะขายได้เรื่อย ๆ เมื่อกลุ่มลูกค้ามาพบเจอ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *